ประวัติพระโพธิสัตว์กวนอิม
โดย พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์
ลงในหนังสือ อภินิหารเจ้าแม่กวนอิม ชมรมบูชาเจ้าแม่กวนอิม จัดพิมพ์
ชาติสุดท้ายเป็นพระราชธิดาเมี่ยวซัน
พุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใสศรัทธาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) มีความเข้าใจว่า มนุษย์ทราบเรื่องราวของพระองค์จากนิมิต กล่าวคือพระโพธิสัตว์ ดลใจให้มนุษย์ผู้มีพลังจิตสูงได้เห็นกายของพระองค์ ได้ยินเสียงของพระองค์และนำประสบการณ์ทางนิมิตนั้นไปบอกเล่าให้ทราบต่อ ๆ กัน ดังเช่นบทความ "กวนอิม พระโพธิสัตว์แห่งการุณย์" ในหนังสือ "ลัทธิของเพื่อน" นิพนธ์ชิ้นเอกของเสฐียรโกเศส นาคะประทีป เป็นต้น
เรื่องราวโดยย่อที่ได้จากนิมิตดังกล่าวมีอยู่ว่า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ได้อุบัติขึ้นในโลกมนุษย์มาแล้วไม่น้อยกว่า ๕๘ ชาติ อดีตชาติสุดท้ายเป็นพระราชธิดาเมี่ยวซัน พระมหากษัตริย์เมี่ยวจวงแห่งอาณาจักรซิงหลิง ในสมัยพระอมิตาพุทธทางฝ่ายมหายาน (คือพระพุทธเจ้ามหากัสสปะทางฝ่ายเถรวาท) เมื่อสองหมื่นปีก่อน พระราชธิดาทรงถูกพระราชบิดาลงโทษอย่างหนักในกรณีที่ไม่ทรงยอมเษกสมรส แต่พระราชธิดาก็ทรงบำเพ็ญทุกขบารมีจนบรรลุโพธิจิต ณ เขาโพวถ่อซัว ตั้งอยู่บนเกาะใกล้มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน
ในช่วงเวลาที่จะบรรลุโพธิจิตดังกล่าวนั้น พระโสตของพระราชธิดาแว่วเสียงคร่ำครวญของสรรพสัตว์จำนวนล้าน ๆ ที่ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัสอยู่ในโลกมนุษย์ พระโพธิสัตว์จึงตัดสินพระทัยว่า“ตราบใดสัตว์โลกยังไม่พ้นทุกข์ ตราบนั้นพระองค์ยังไม่ยอมเข้าแดนพุทธเกษตรหรือแดนพระนิพพาน” ทรงเงี่ยโสตสดับเสียงรัองของมนุษย์ และประทานความช่วยเหลือต่อไปตามควรแก่กรณี
หลังจากนั้นพระโพธิสัตว์ฯ ก็ได้แสดงนิมิตและอภินิหารประทานแก่มนุษย์ซึ่งมีกรรมอันควรได้รับความเมตตาเป็นการส่วนตัว สำหรับทางนิมิต มนุษย์ได้เห็นพระองค์ที่ทรงเร้นอยู่ในป่าไผ่ บ้างประทับบนดอกบัวขาวในโบกขรณี บ้างปรากฏพระกายบนปุยเมฆ ส่วนทางอภินิหาร มนุษย์ได้รับการช่วยเหลือจากพระองค์ท่ามกลางคลื่นลมของแม่น้ำและมหาสมุทร และสถานที่อื่นๆ อีกมาก
ตามข้อมูลที่ได้จากคำบอกเล่าถึงเรื่องราวของพระโพธิสัตร์ต่อๆกันมา ประกอบกับประสบการณ์ทางนิมิตและอภินิหารโดยนัยดังกล่าวข้างต้น ผู้เลื่อมใสศรัทธาจึงมีจินตนาการถึงลักษณะกายของพระองค์ในสตรีเพศว่า พระพักตร์รูปไข่ในเครื่องทรงชุดขาว บนพระเศียรทรงรัตนมาลาที่มีสัญลักษณ์เป็นพระพุทธรูป พระหัตถ์ซ้ายทรงถือแจกันบรรจุน้ำอมฤตที่สามารถปราบมารได้ พระหัตถ์ขวาทรงถือกิ่งหลิวศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สำหรับประพรมน้ำอมฤตนั้นซึ่งต่อมาผู้เลื่อมใสศรัทธาก็ได้วาดภาพองค์พระโพธิสัตว์ ตามจินตนาการ และสร้างองค์สมมติพระโพธิสัตว์ที่มีรูปแบบและขนาดต่าง ๆ ขึ้น
สำหรับผู้กำลังมีทุกข์ก็ขอประทานบารมีพระโพธิสัตว์ฯ ให้ช่วยในเรื่องทุกข์นั้น ส่วนผู้ซึ่งยังไม่มีปัญหาเช่นดังกล่าวก็สักการะบูชาเป็นที่พึ่งที่สรณะทำนองเดียวกับพระพุทธรูปทั้งหลาย ในโอกาส เดียวกันก็เป็นการเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อขอประทานบารมีในเมื่อทุกข์เกิดขึ้น เป็นที่สังเกตว่าพุทธศาสนิกชนนิยมสร้างองค์สมมติพระโพธิสัตว์กวนอิมกันไว้จำนวนมาก นับเป็นที่สองรองจากพระพุทธรูปทีเดียว
อนึ่ง ได้มีผู้แต่งหนังสือเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ฯ ทั้งที่เป็นภาษาจีนและภาษาอื่นออกเผยแพร่จำนวนมาก สำหรับภาษาไทยเล่มที่น่าสนใจได้แก่หนังสือ "ประวัติสังเขปเจ้าแม่กวนอิมพร้อมบทสวดมนต์ นิรนาม รวบรวม" จัดพิมพ์เพื่อการกุศลโดยชมรมบูชาเจ้าแม่กวนอิม พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๑ อันเป็นวันคล้ายวันประสูติเจ้าแม่ หนังสือเล่มนี้ให้ข้อมูลที่ไม่เคยทราบกันมาก่อน เรื่องสำคัญได้แก่ พระคาถาบูชาดั้งเดิม (นะโม ตัสสะมัย อะภัยมัททะ อะวะโลกิเตศะวะราย โพธิสัตตะวาย มะหาสัตตะวาย นะมะพะทะ) และ ประวัติเจ้าแม่กวนอิม ๔ ปาง คือ ปางยืนบนดอกบัว ปางยืนบนปลามังกร (หรือปลาตะเพียน) ปางยืนบนเต่า ปางยืนบนมังกรและปางพันเนตรพันกร
นอกจากนั้นในด้านศิลปะบันเทิงก็ได้มีผู้สร้างเรื่องพระโพธิสัตว์กวนอิม นำออกแสดงทางภาพยนตร์และทางโทรทัศน์ ให้ชื่อว่า"กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม" ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างมากผู้ไม่เคยทราบเรื่องพระโพธิสัตว์ มาก่อนก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ผู้ที่ทราบมาบ้างแล้วก็เพิ่มความเลื่อมใสศรัทธายิ่งขึ้นทั้งนี้เชื่อกันว่าทั่วโลกมีศาสนิกชนเลื่อมใสศรัทธาพระโพธิสัตว์ กวนอิม ปัจจุบันไม่น้อยกว่า ๘ ล้านคน สืบเนื่องจากบารมีพระ โพธิสัตว์ ผู้คอยสดับเสียงร้องของสัตวโลกผู้มีทุกข์อยู่โดยตลอดและเมตตาช่วยสัตวโลกเหล่านั้นต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานถึงสองหมื่นปีแล้ว