ดินแดน ๑๒ นักษัตร
ตำนานนักษัตร
ในอดีตกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โลกมนุษย์ มนุษย์เรายัง ไม่รู้จักนับวัน เดือนปี ของตนเอง ว่าตัวเองเกิดวันไหน ปีไหน เทวโลกจึงได้ประชุมกัน สั่งให้พระอินทร์ลงมาว่า จะต้องจัดพิธีแข่งขันชิงรางวัลวิ่งมาราธอน ณ ป่าหิมพานต์ หุบเขาวงกต โดยมีให้ ๑๒ รางวัล ถ้าได้ ๑๒ รางวัลนี้แล้วก็จะประกาศทั่วพิภพ ให้มนุษย์ใช้เป็นที่นับแห่งการเกิดของมนุษย์เมื่อพระอินทร์ประกาศไปทั่วแล้ว พวกสัตว์ทั้งหลายก็วิ่งมาเรียงแถวเพื่อแข่งขันกันเป็นหนึ่ง
นักษัตรที่ ๑ ปีชวด (หนู) ในยุคนั้นแมวกับหนูเป็นเพื่อนกัน แต่ว่าหนูอยากจะเป็นที่หนึ่ง ก็ได้เดินมา ระหว่างแมวเผลอนั้น หนูได้ผลักแมวตกน้ำ ฝ่ายแมวคิดว่าเราจะไปทั้งเปียก ๆ เช่นนี้ย่อมที่จะไม่ได้เข้าเส้นชัย ควรที่จะตากให้ตัวแห้งเสียก่อนแล้วค่อยไป ฝ่ายเจ้าหนูก็ฉลาด ขี้เกียจวิ่งจึงเกาะหลังวัวไป เจ้าเสือนั้นโลภมาก อยากจะพยายามอยู่ข้างหลังวัว เพื่อที่จะกัดกินวัว เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว หนูก็กระโดดจากหลังวัวลงไปบอกว่า ฉันเข้าเส้นชัยแล้ว ได้ที่ ๑ พระอินทร์ก็บอกว่า เออ เจ้าฉลาด ให้หนูเป็นที่หนึ่ง ตัวนิดกระจ้อย ๆ เมื่อแมวตากแดดแห้ง
กลับมาเห็นเจ้าหนูได้รางวัลที่ ๑ แมวก็ตั้งสัจจะแห่งความแค้นว่า ต่อไปนี้ข้าจะกินเจ้าทุกชาติ ๆ หลังจากนั้นก็เลยกลายเป็นแมวต้องล่าหนู หนูจึงกลัวแมว นี่คือนักษัตรที่ ๑
นักษัตรที่ ๒ ปีฉลู (วัว) วัวที่ได้ที่ ๒ นั้น ก็เพราะว่า เสือมันตะกละอยากจะกินวัวก็วิ่งตามอยู่ข้างหลัง แต่วัวมันก็ระวังเมื่อเห็นว่าเสือจะงับมัน มันก็เอาตีนถีบเสือ เสือก็ไม่มีโอกาสงับมัน ก็พอดีถึงเส้นชัย วัวเลยได้ที่ ๒
เสือจี้ตามมาจึงได้ที่ ๓ เป็นนักษัตรที่ ๓ ปีขาล เสือ
นักษัตรที่ ๔ ปีเถาะ (กระต่าย) กระต่ายมันฉลาด รู้ว่าถ้าอยู่ข้างหน้าเสื้อแล้ว เสือก็จะกัดกินกระต่าย เพราะว่าเสือย่อมจะเห็นเนื้อกระต่ายหอมหวน กระต่ายจึงอยู่ข้างหลังเสือ เพื่อไม่ให้เสือดมกลิ่นได้ จึงได้เป็นที่ ๔
นักษัตรที่ ๕ ปีมะโรง (งูใหญ่) ทีนี้ก็งูเหลือมก็บอก แหม กระต่ายอยู่ข้างหน้ากลิ่นหอมหวน จึงอยากจะกินกระต่าย โดยมีงูเห่ามาอยู่ข้างหลังงูเหลือม ม้าก็อยากจะวิ่งแซงงูเหลือม งูเห่าแทนที่จะไปเอาโอชะของกระต่าย เลยกลับไปพัวพันต่อสู้อยู่กับม้า เพราะว่าไม่อยากให้ม้าวิ่งแซงหน้า กระต่ายเลยได้เป็นที่ ๘ ก็มาถึงระหว่างที่งูทั้งสองกำลังคอยกัดขาม้าอยู่นั้น งูเหลือมฉลาดบอกว่า งูเห่าเอ็งเอาข้างท้าย ข้าเอาข้างหน้า พอถึงเขาวงกตนั้น งูเหลือมจึงแซงหน้างูเห่าก็ได้ที่ ๕ ปีมะโรง งูเท่าก็เลยได้ที่ ๖ เป็นนักษัตรที่ ๖ ปีมะเส็ง ม้าตามมาเป็นที่ ๗ ปีมะเมีย นักษัตร ที่ ๗ นี่เขาเรียกว่า ชวด ฉลู มะโรง มะเส็ง อย่างนี้เป็นต้น
นักษัตรที่ ๘ ปีนะแม (แพะ) ผู้ที่ไม่ต้องต่อสู้ สัตว์ที่ไม่ต้องทำอะไร สบาย ๆ ที่สุดคือแพะ แพะก็ได้รับอันดับที่ ๘
นักษัตรที่ ๙ ปีวอก (ลิง) อันดับที่ ๙ ลิงนั้นเป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ ตามหลักเขาบอก ทำไมไม่นั่งนิ่ง ๆ เจ้านี่ซนอย่างกับลิง ทำในจึงเหมือนลิง ลิงมันน่าจะไปได้ที่ ๑ แต่ทำในลิงจึงมาได้ที่ ๙ ก็เพราะว่าในขณะที่พระอินทร์ประกาศเรื่องที่จะจัดแข่งขันสิบสองนักษัตร สิบสองราษีนี้ คือเกิดมีพญาลิง ๒ ตัว คือมีลิงเห้งเจียกับลิงหนุมาน เอาละ ไซอิ๋วพบรามเกียรติ์ละ หนุมานก็บอกข้าต้องไปเรียงแถวก่อน เห้งเจียบอกข้าต้องก่อน ก็เลยรบกันใหญ่ รบกันไปรบกันมา หนุมานแพ้เห้งเจีย เห้งเจียกระบองยาวกว่า หนุมานกระบองสั้นกว่า ระหว่างรบกับกันไปรบกันมาเมื่อหนุมานแพ้แล้ว พระรามก็ปรากฏตัวขึ้นมา คิดว่าจะช่วยหนุมานจึงได้ยิงศรขึ้น เจ้าแม่กวนอิมก็ปรากฏตัว ได้ช่วยเห้งเจีย โดยเอาแซ่จามรีปัดศรของพระราม ศรของพระรามก็เลยไปตกอยู่ที่ลพบุรี ที่เรียกว่า ตำบลทะเลชุบศร เพราะฉะนั้น ลิง เห้งเจียจึงได้ที่ ๙
นักษัตรที่ ๑๐ ประกา (ไก่) ไก่กับหมาวิ่งคู่กันมา ไก่นั้นมีปีกบินได้ หมานั้นก็อยากกินไก่ หมาก็ตะกละ หมาก็ได้ตามไก่อยู่ตลอดเวลา เมื่อไล่ตามอยู่ต่ลอดเวลา ไก่ก็หลอกล่อจนมาถึงที่ หมาก็ไม่ได้กินเนื้อไก่ หนังก็ไม่ได้แทะ กินแต่ขี้ไก่ ไก่ก็ได้เป็นที่ ๑๐ ปีระกา หมามาเป็นที่ ๑๑
นักษัตรที่ ๑๑ ปีจอ (หมา) นักษัตรที่ ๑๒ ปีกุน (หมู) ฝ่ายหมูป่าก็วิ่งมา กลัวว่าจะไม่ทันการประกวดเข้าเส้นชัย มาถึงก็ได้ที่ ๑๒ จึงกลายเป็น ๑๒นักษัตร
ทีนี้ ท่านทั้งหลายอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไม ช้าง กระทิง สิงโต แรด ฯลฯ ทำไมไม่ได้มาติดอันดับ ก็เพราะว่ามัวแต่กัดกันยุ่งรบกันอยู่ในป่า มาไม่ทันเวลา พระอินทร์บอกว่า หมดเวลาการแข่งขัน