แดนพราหมณ์-ฮินดู

ภาพแดนพราหมณ์ฮินดู

ศาสนา พราหมณ์ - ฮินดู

ผู้ตั้ง ไม่มีนามปรากฎ พระเจ้าในศาสนาคือ พระพรหม และอื่นๆ กำเนิดที่ประเทศอินเดีย มีคัมภีร์พระเวทย์เป็นคัมภีร์สำคัญ เกิดก่อนพุทธศักราชประมาณ ๒๐๐๐-๒๕๐๐ ปี แรกเริ่มเดิมทีศาสนาฮินดู เรียกกันว่า "สนาตธรรม" หมายถึง"เป็นนิตย์" เชื่อกันว่าเกิดขึ้นเมื่อแรกเริ่มต้นสร้างโลกแล้ว มีพระปรมาตมันเป็นพระเจ้าสูงสุด พระองค์มีพระประสงค์จะสร้างโลก ก็บังเกิด พระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ เมื่อทั้งสามพระองค์มารวมอยู่เป็นจุดเดียวกัน กลายเป็นพระปรมาตมัน มีคัมภีร์พระเวท รวบรวมความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ของศาสนาฮินดู ซึ่งมีอยู่ ๔ เล่ม คือ ฤคเวท สามเวท ยชุรเวท และอาถรรพเวท

............................................................................

พระพรหม

          ต้นกำเนิดพระพรหม มีหลายตำนาน

          ตำนานแรกกล่าวว่า พระพรหมปรากฏออกมาจากไข่ทอง

          ตำนานที่สองกล่าวว่า พระพรหมสร้างตนขึ้นมาเอง จากนั้นจึงสร้างพระสุรัสวดีขึ้นมา

          ตำนานที่สามเป็นตำนานที่ได้รับการอ้างอิงมากที่สุด กล่าวว่า พระพรหมเกิดขึ้นจากดอกบัว ดอกบัวนั้นผุดขึ้นมาจากพระนาภี(สะดือ)ของพระนารายณ์ในขณะที่บรรทมหลับบนหลังพระอนันตนาคราช ณ เกษียรสมุทร จากนั้นจึงสร้างมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งสามโลก

          พระพรหม มีชายาชื่อ พระสุรัสวดี พระพรหมเป็นผู้สร้างสรรค์ มีน้ำพระทัยเปี่ยมด้วยความปรานี พระองค์เป็นเทพแห่งความร่มเย็น ปราศจากอคติ ไม่มีโลภ โกรธ หลง ทรงยึดมั่นในคุณธรรม มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มนุษย์ผู้ใดยึดมั่นอยู่ในหลักธรรมสี่ประการนี้ ท่านว่าตายและจะไปเกิดเป็นพรหม

พระอิศวรหรือพระศิวะ

          พระอิศวรปรากฏอีกนามหนึ่งว่า “จอมเจ้าเขาไกลาส” หรือ “พระตรีเนตร” เพราะมีตาที่สามอยู่ที่หน้าผาก ประทับบนหนังเสือ มีพญาอสรพิษพันรอบกาย พระอิศวรทรงมีตบะแรงกล้า ฤทธานุภาพมากมาย บนชฎาคือขมวดผมมีรูปพระจันทร์ครึ่งซีก มีวัวนันดีเป็นเทพพาหนะ สัญลักษณ์อันเป็นที่สักการะแทนพระองค์ คือ “ศิวลึงก์” เป็นเครื่องหมายพลังแห่งการสร้างสรรค์

          พระอิศวรทรงเป็นพระสวามีของพระศรีมหาอุมาเทวี พลังเนตรที่สามมีฤทธิ์ในการทำลายล้าง โดนปกติพระองค์ทรงมีเมตตา ชอบประทานพรให้ผู้บูชาเสมอ

พระวิษณุกรรม

          พระวิษณุกรรม เป็นหนุ่มรูปงามในเทวโลก เป็นศิลปินเอกในหมู่เทวดา เป็นเทพบริวารฝ่ายช่างของพระอินทร์

          ในมหาเวสสันดรชาดกกล่าวว่า เมื่อพระเวสสันดรเสด็จมาบำเพ็ญพรต ณ เขาวงกต พระอินทร์ได้มีเทวบัญชาให้พระวิษณุกรรมเนรมิตอาศรมให้

          บรรดาช่างทั้งหลายต่างบูชาพระวิษณุกรรม เพราะถือว่าพระองค์เป็นบิดาแห่งครูช่างทั้งมวล วิทยาลัยเทคนิค หรือสถาบันที่เกิดสอนวิชาชีพทางด้านช่างต่างมีรูปปั้นของพระวิษณุกรรมไว้บูชา เพื่อขอพึ่งบารมีให้ตนเองหรือสถาบันความเป็นเลิศทางด้านฝีมือช่าง

พระพิฆเณศวร

          พระพิฆเณศวร เรียกกันโดยย่อว่า พระพิฆเณศ เป็นโอรสของพระศรีมหาอุมาเทวีและพระอิศวร ทรงมีศีรษะเป็นช้าง ได้รับการยกย่องว่า เป็นจอมเทพผู้มีปัญญาเลิศปราดเปรื่องในศิลปวิทยาทุกแขนง เป็นที่เคารพยำเกรงของทวยเทพทั้งหลาย

          บรรดาเหล่าศิลปินจะประกอบพิธีบูชาใด ๆ จะต้องบูชาพระพิฆเณศก่อน เพื่อคารวะในฐานะบรมครูผู้ประสาทความรู้ ความสำเร็จ สามารถขจัดอุสรรค์ทั้งปวงให้สูญหาย กิจการทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี

พระลักษมี

          พระลักษมี เป็นชายาของพระนารายณ์ เกิดจากฟองน้ำในคราวที่เทวดาและอสูรกวนเกษียรสมุทรทำน้ำอมฤต จึงได้นามว่าชลธิชา(เกิดแต่น้ำ) หรือ กษีราพธิตยา(ลูกสาวแห่งทะเลน้ำนม) นั่งหรือยืนในดอกบัว จึงมีอีกนามหนึ่งว่า ปัทมา หรือกมลา ถือกันว่าเป็นเทพนารีผู้อำนวยโชค มีน้ำพระทัยเมตตาปรานีอยู่เป็นนิจ เป็นผู้นำแห่งความเจริญ เป็นตัวอย่างของผู้หญิงงามตลอดทั้งรูปและกิริยามารยาท มีวาจาอันเป็นเสน่ห์และไพเราะ นำมาซึ่งความเจริญทุกประการ จึงเรียกว่า ภควดี นับว่าเป็นผู้อุปถัมภ์สตรีทุกชั้น มีกายสีทอง เสื้อทรงสีเหลือง

พระอินทร์

          พระอินทร์เป็นโอรสของพระกัศยปเทพบิดรและนางอทิติ ถือกันว่าเป็นมหาเทพหรือผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ ชาวจีนเรียก พระอินทร์ว่า “เง็กเซียนฮ่องแต้” ขณะที่ชาวยุโรปเรียกว่า “จูปีเตอร์” หรือ “ซิวส์” หรือ “ซีอุส”

          พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทรงมีรูปร่างที่สวยงาม มีกายสีเขียวมีวัชระไว้ปราบผีร้ายแห่งความแห้งแล้งของฤดูกาล

          ในชาดกของพระพุทธศาสนากล่าวว่า พระอินทร์ได้ดีดพิณสามสายถวายพระพุทธเจ้าในปางบำเพ็ญทุกกิริยา และเมื่อคราวแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ พระอินทร์ได้ขโมยพระทันตธาตุไปจากมวยผมของโทณพราหมณ์ไปเก็บไว้ที่นิพพานเจดีย์หรือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

          พระอินทร์มีน้ำพระทัยเมตตาแก่มนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือพลัดพรากจากกันชอบช่วยเหลือผู้ประกอบแต่กรรมดี

พระยม

          พระยม เทพแห่งความตาย มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น พระยายมราช ยมบาล ท้าวมัจจุราช บางทีเรียกว่าพระกาฬ ชาวจีนเรียกว่า “เงี่ยมล่ออ๋อง” ชาวอาหรับเรียกว่า “อิสราอิล”

          พระยมมีรูปร่างใหญ่ หน้าตาดุ เป็นที่เกรงกลัวแก่ผู้พบเห็น มีรูปกายสีแดง มีสี่กร เครื่องฉลองพระองค์สีแดง มีมหิงสาเป็นพาหะ พระหัตถ์ขวาถือไม้เท้ายมทัณฑ์พระหัตถ์ซ้ายถือยมบาศ

          พระยมสถิตอยู่ในเมืองยมโลก หรือเมืองนรก เป็นเมืองที่ใหญ่มาก อยู่นอกขอบจักรวาลในทิศทักษิณ วิมานเป็นเหล็กและทองแดง อันเป็นเขตแห่งการทรมานของสัตบาปทั้งมวล

          มนุษย์ที่ตายไปจากโลกจะต้องไปพบกับพระยมหรือเทพแห่งความตาย เพื่อตัดสินกรรมดีกรรมชั่วที่ได้ก่อไว้ระหว่างการเป็นมนุษย์

พระนารายณ์

          พระอิศวรประสงค์จะสร้างสวรรค์และแผ่นดินขึ้น จำต้องสร้างผู้ช่วยพระองค์จึงเอาพระหัตถ์ซ้ายลูบพระหัตถ์ขวาก็บังเกิดองค์ “พระนารายณ์” ขึ้น แล้วโปรดให้เป็นผู้สอนศิลปะศาสตร์แก่กษัตริย์

          พระนารายณ์มีพระกายสีนิลแก่ อาภรณ์อย่างกษัตริย์ เสื้อทรงสีแดง มีสี่กร ทรงตรี คธา จักร สังข์ ดอกบัว และพระขรรค์ บนอุระ(อก) มีขนเขียนเป็นรูปยันต์ศรีวัตสะฯ มีมเหสีทรงพระนามว่า “พระลักษมี” มีอนันตนาคราชเป็นบัลลังก์ที่สถิต เรียกว่า ไวกูณฐ์ ณ เกษียรสมุทร

พระสรัสวดี

          พระสรัสวดี เป็นชายาของพระพรหม ถือกันว่าเป็นเจ้าแม่อุปถัมภ์การศึกษาทั้งด้านอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เป็นผู้ให้กำเนิดอักษรเทวนาครีและภาษาสันสกฤต มีพระสิริรูปโสภา มีกายขาวผ่อง มีอาภรณ์แก้วขาว(เพชร) รัดเกล้าน้อย ๆ อย่างงาม มี 4 กร ทรงถือพิณ ดอกบัวทถ้วยน้ำ และคัมภีร์ มักประทับบนดอกบัวหรือนกยูง บางตำราบอกว่าใช้หงส์เป็นพาหนะ

          ในมหาภารตะถือว่า เป็นผู้ให้กำเนิดน้ำอันบริสุทธิ์สำหรับทำความชุ่มชื้น เพื่อความผาสุขหรือความสมบูรณ์ของพันธุ์รุกขชาติและสรรพสัตว์

พระศรีมหาอุมาเทวี

          พระศรีมหาอุมาเทวี เป็นพระธิดาของท้าวหิมาลัยไกลาส เป็นพระชายาของพระอิศวร มีพระกายปรากฎเป็นสามรูป คือ

  1. ปารวตีเทวี(บรรพตี) มีความสุขุมและเมตตา
  2. ทุรคาเทวี(เจ้าแม่ทุรคา) มีความเก่งกล้าในการณรงค์สงคราม และปราบเหล่าศัตรูได้ทั่วทุกทิศ
  3. เจ้าแม่กาลี ผู้มีความเหี้ยม ดุร้ายเมื่อยามพิโรธ

พระศรีมหาอุมาเทวีทรงมีพระเมตตากรุณาต่อมวลชนทั่วไป ประทานพรชัยมงคลเพื่อความอุดมสมบูรณ์พูนผล และทรงขจัดความชั่วร้าย  

การเยี่ยมชม

Thailand 99.7% Thailand

Total:

7

Countries
00003293
Today: 6
This Week: 32
This Month: 133