หุบเขาอริยสงฆ์
หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด)
ประวัติโดยย่อ
หลวงปู่ทวด ชื่อเดิมปู เกิดที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2125 บิดาเป็นอิสลาม มารดาเป็นชาวพุทธ ท่านชอบการบวชตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หลังจากบวชได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อที่วัดพุทไธศวรรย์ เมืองอโยธยา ซึ่งเป็นเมืองหลวงในขณะนั้น ต่อมาพระเจ้าอู่ทองทรงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์ ครั้งหนึ่งท่านเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่จังหวัดสงขลา การเดินทางในสมัยนั้นใช้เรือใบแบบสำเภาเป็นพาหนะ ระยะเวลาไปกลับใช้เวลาหนึ่งปี ขากลับพวกลูกเรือเล่นไพ่กันจนลืมตักน้ำจืดใส่เรือ เมื่อออกเรือไม่มีน้ำกิน ก็พากันกล่าวหาว่าเพราะมีภิกษุจัญไรโดยสารมาด้วย จึงประชุมตกลงจะจับท่านไปปล่อยไว้ที่เกาะหนูเกาะแมว ระหว่างที่ถูกนำตัวไปปล่อยที่เกาะหนูเกาะแมวหลวงปู่ทวดอธิษฐานบารมีว่า “หากแม้ข้านี้สามารถที่จะสืบต่อพระพุทธศาสนา ทำให้ศาสนารุ่งเรือง ขอให้น้ำทะเลบริเวณที่เท้าเหยียบลงไปนี้จงกลายเป็นน้ำจืดเถิด” ลูกเรือได้ตักไว้ใช้ 13 โอ่ง มีใช้จนถึงอโยธยา จึงได้รับฉายาว่า “หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด”
ปี พ.ศ. 2190 พระรามาธิบดีที่ 2 อู่ทอง ได้สถาปนาให้ท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงอโยธยา หลวงปู่ทวดไม่ติดยศฐาบรรดาศักดิ์ จึงหนีไปบำเพ็ญที่น้ำตกทรายขาว จังหวัดปัตตานีจนสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ที่นั้น
วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2224 ท่านได้ทิ้งสังขารที่เมืองอีโป ประเทศมาเลเซีย
สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังษี
ประวัติโดยย่อ
หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เกิดในสมัยรัชกาลที่หนึ่ง เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2331 เป็นบุตรนอกเศวตฉัตรของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่ออายุ 7 ขวบ บวชเณรที่วัดไชโย ต่อมามารดาพยายามให้สึก สามเณรโตจึงหนีลงเรือเดินทางไปเมืองบางกอก ไปอยู่กับเจ้าอาวาสวัดอินทร์ บางขุนพรหม ท่านเจ้าอาวาสเห็นหน้าตาดีจึงเอาไปฝากเจ้าอาวาสวัดระฆัง
ก่อนที่สามเณรโตจะถูกนำมาฝากที่วัดระฆัง เจ้าอาวาสวัดระฆังฝันว่า มีช้างเผือกเชือกหนึ่งโผล่ขึ้นไปในกุฏิท่านและไชพระไตรปิฎก รื้อลงมาหมดแล้วเคี้ยวพระไตรปิฎกเข้าไปจนหมด วันรุ่งขึ้นสามเณรโตจึงมาอยู่ที่วัดระฆัง ระยะต่อมาได้ไปศึกษาเพิ่มเติมที่วัดมหาธาตุ ต่อมาเสมียนตราด้วงพาไปเทศน์ที่วัดพระแก้ว เจ้าฟ้าผู้เป็นบิดาจำได้ จึงกราบทูลให้พระเจ้าแผ่นดินทรงทราบและรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์
ในสมัยรัชกาลที่สามท่านได้เดินทางไปบำเพ็ญที่ดงพญาเย็นและที่อื่น ๆ ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่สี่มีประกาศหาตัวท่านเพื่อให้มาช่วยงานด้านศาสนจักร ท่านได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์ องค์ที่ห้า แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
นอกจากท่านจะเป็นนักเทศน์แล้วยังเป็นผู้มีพลังจิตสูง ท่านได้สร้างพระสมเด็จวัดระฆังจนมีชื่อเสียงโด่งดังและที่ต้องการของพุทธศาสนิกชนมาจนถึงทุกวันนี้
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ทิ้งสังขารในสมัยรัชกาลที่ห้า เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2415 สิริชนมายุ 84 ปี
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตเถระ
ประวัติโดยย่อ
พระอาจารย์มั่นเกิดในสกุล แก่นแก้ว เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2413 ตำบลโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อท่านอายุได้ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณร และต้องสึกตามคำขอร้องของบิดาในอีกสองปีต่อมา
พออายุได้ 22 ปี ท่านขออนุญาตบิดามารดาบวช บิดามารดาเต็มใจให้บวช หลังจากบวชแล้ว พระอาจารย์มั่นเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก ในขณะที่ท่านบำเพ็ญจิตมีพระอรหันตสาวกเสด็จมาร่วมอนุโมทนาในนิมิตด้วย
พระอาจารย์มั่น เผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วภาคอีสาน ทำให้ท่านมีศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธามากมาย จนกระทั่งในวันมาฆบูชาปี พ.ศ. 2492 ท่านได้เทศน์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเริ่มป่วย มีพระธุดงค์จำนวนมากมายมารวมกันอยู่ ประหนึ่งโลกธาตุดับสนิท โดยไม่ได้นิมนต์หรือนัดแนะกัน หลังจากนั้นท่านจึงขอให้บรรดาสานุศิษย์นำท่านไปทิ้งสังขารที่จังหวัดสกลนคร
เมื่อพระอาจารย์มั่นได้ละสังขารแล้วบรรดาสานุศิษย์และผู้ศรัทธาได้นำอัฐิของท่านไปบูชา จนกาลล่วงมาได้สี่ปี อัฐิของท่านได้กลายเป็นพระธาตุ พระสุปฏิปันโนในภาคอีสานส่วนใหญ่เป็นศิษย์ผู้สืบทอดของพระอาจารย์มั่นแทบทั้งสิ้น
พระครูบาศรีวิชัย
ครูบาศรีวิชัย เกิดในตระกูลชาวนายากจนในจังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 เวลาพลบค่ำ ขณะที่มารดาท่านคลอดนั้นเกิดพายุลมแรง ฝนตกหนักฟ้าแลบฟ้าผ่า มีแสงกระจายทั่วกระท่อมปลายนาของท่าน ท่านจึงได้รับชื่อว่า “ฟ้าฮ่อง” หรือเรียกภาษาไทยกลางว่า “ฟ้าร้อง”
เมื่อ 10 ขวบ ขณะที่ฟ้าฮ่องกำลังเลี้ยงวัวอยู่มีพระธุดงค์ผ่านมา ท่านพูดกับพระธุดงค์ว่า “โตขึ้นข้าเจ้าจะบวชอย่างท่านน่ะ” พระธุดงค์หันมา มองเห็นเงากลดเหนือศีรษะฟ้าฮ่อง พระธุดงค์จึงไปพบกับบิดามารดาของฟ้าฮ่องและบอกว่า “ถ้าให้ลูกโยมผู้นี้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว เขาจะไม่ลึก จะจำเริญพระศาสนาให้รุ่งเรืองทั่วถิ่นลานนาไทย” บิดามารดาฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากให้ลูกชายบวชตลอดชีวิต จนกระทั่งฟ้าฮ่องอายุ 18 ปี ความคิดอยากบวชรุนแรงขึ้น อ้อนวอนบิดามารดาจนได้บวชเณร
สองปีต่อมาท่านได้บวชพระ ท่านมีความเคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยมากขึ้นและฉันมังสวิรัติ และในปี พ.ศ. 2478 ได้สร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ มีผู้ศรัทธาร่วมงานมากถึงห้าพันคน ได้เผยแพร่พระพุทธศาสนาและพัฒนาวัดเพื่อพัฒนาจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วลานนา
ต่อมาในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 ท่านได้บอกลูกศิษย์ว่า “ภายในหนึ่งชั่วโมงนี้เราจะจากท่านไปแล้ว เรารู้กาลเวลานี้มานานแล้ว อย่าเสียใจหากชีวิตเราสิ้นสุดลง” หลังจากนั้นท่านสิ้นลมด้วยอาการสงบ